ซานาดะ ยูคิมูระ ขุนพลอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน
ซานาดะ ยูคิมูระ ขุนพลอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน
โตกุกาว่า อิเอยาสึ เคยกล่าวถึง ซานาดะ ยูคิมูระว่าเป็น ”ยอดนักรบผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน” ทั้งๆที่ ยูคิมูระ นั้นเป็นซามูไรของฝ่ายศัตรู แต่เขานั้นชื่นชอบในความสามารถในการรบ ความห้าวหาญ และความภักดี นี้จึงเป็นประโยคยกย่อง ซานาดะ ยูคิมูระ จาก โตกุกาว่า อิเอยาสึ
เขาเกิดจาก ซานาดะ มาซายูกิ โดยเกิดเมื่อคริสต์ศักราชที่ 1567 โดยพ่อของเขานั้นได้ฉายาว่า จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ โดยตระกูล ซานาดะ เป็นตระกูลในปกครอง ทาเคดะ ซึ่งในสมัยได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งสงคราม และเป็นตระกูลที่เลื่องชื่อในสมัยนั้น ในภายหลังตระกูล ทาเคดะ นั้นล่มสลายทำให้ตระกูล ซานาดะ ต้องไปสวามิภักดิ์ต่อตระกูลโอดะแต่ก็ต้องขอให้ตระกูลโฮโจยอมมาพูดให้กับตระกูลโอดะ ทำให้ตระกูลซานาดะไม่ถูกกวาดล้างไปด้วย
ต่อมาตระกูลโอดะล่มสลายหลังจากที่ โอดะ โนบุนากะ โดนลอบสังหารจากฝีมือ อาเคจิ มิตสึฮิเดะ ทำให้ตระกูลเล็กๆอย่างซานาดะต้องไปเข้าร่วมกับ โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ และเพื่อเป็นการรับรองความปลอดภัยของตระกูล ยูคิมูระ จึงถูกส่งไปเป็นตัวประกันของตระกูลใหญ่ต่างๆ และใช้ชีวิตวัยรุ่นส่วนมากในการถูกส่งไปเป็นตัวประกันกับหลายตระกูลใหญ่
แต่ ยูคิมูระ นั้นไม่ใช่คนโง่เขาจึงซึมซับทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการศึกสงครามและยังได้รับการถ่ายทอดความสามารถอีกเป็นจำนานมาก และสงครามที่สร้างชื่อของเขาก็คือสงครามที่ ฮิเดโยชิ นั้นกำลังทำศึกกับตระกูล โฮโจ
ซึ่งต่อมา ฮิเดโยชิ นั้นได้เสียชีวิตลงและทำให้ทั่วทั้งแผ่นดินแตกออกเป็น 2 ฝ่าย ซึ่งนั้นก็คือฝ่ายที่ต้องการให้ตระกูล โทโยโทมิ อยู่ต่อ และ ฝ่ายที่ต้องการผลักดันให้ โตกุกาว่า ขึ้นมาเป็นใหญ่ในญี่ปุ่น โดยเขาได้นำทัพครั้งแรกในศึกที่ปราสาท อุเอดะ โดยหน้าที่ของเขาก็คือป้องกันกองกำหลังหนุนจากฝ่าย อิเอยาสึ ซึ่งนี้เป็นศึกที่สร้างชื่อให้เขาเป็นอย่างมากโดยการนำทหารเพียงแค่ 2 พันคน ตีทหาร 4 หมื่นจนแตกพ่าย แต่ก็ต้องได้รับข่าวร้ายเมื่อทัพใหญ่ที่บัญชาการด้วย อิชิดะ มิตสึนาริ นั้นพ่ายแพ้และตัวแม่ทัพยังถูกประหารอีกด้วย
ต่อมาหลังจากที่ อิเอยาสึ เริ่มมีอำนาจมากขึ้นเขาก็ได้เล็งที่จะกวาดล้างตระกูล ซานาดะ เนื่องจากมองว่าเป็นตระกูลทีมีทหารเพียงแค่เล็กน้อยแต่กลับมีความเก่งกาจเกินไป ซึ่งในภายหลัง ซานากะ มาซายูกิ ได้ขอร้องให้ อิเอยาสึ ไว้ชีวิตคนในตระกูลของเขาและก็สำเร็จแต่ก็ทำให้ ยูคิมูระ โดนเนรเทศไปอยู่แดน คาอิ และเขาก็อยู่ในดินแดนนั้นนานถึง 12 ปี โดยในเวลานั้นเป็นที่ลือกันว่าเขาได้มีกลุ่มนินจาและซามูไรที่มีฝีมืออย่างมาก อาทิ ซารุโทบิ ซาสุเกะ,คิริกางุเระ ไซโซ,อันโนะ โรคุโร่,คาเคย์ จูโซ,เนซึ จินปาชิ,มิโยชิ เซอากิ,มิโยชิ อิสะ,อานายามะ โคสุเกะ,โมจิซึกิ โรคุโร่ และ ยูริ คามาโนะสุเกะ
โดยเราจะรู้จักทั้ง ซารุโทบิ ซาสุเกะ และ คิริกางุเระ ไซโซ ว่าเป็นนินจาที่เก่งกาจขนาดไหนขนาดปัจจุบันก็ยังมีการพูดถึง 2 คนอยู่ และในปีคริศต์ศักราชที่ 1614 ยูคิมูระก็ได้หลบหนีออกจาก คาอิ และได้เข้าร่วมกับกองกำลัง ฮิเดโยชิ
ในปึคริสต์ศักราชที่ 1614 เป็นปีที่สร้างชื่อให้ ยูคิมูระ อีกครั้งเมื่อเขานำกำลังเพียงน้อยนิดบุกตีปราสาทโอซาก้าคืนจาก อิเอยาสึ และยูคิมูระก็ทำได้สำเร็จหลังจากนั้น อิเอยาสึ นำกำลังเข้าตีปราสาทโอซาก้าอีก 3 รอบแต่ก็พ่ายแพ้และเสียกำลังพลไปเป็นจำนานมากทำให้ต้องขอสงบศึกกับฝั่ง ฮิเดโยชิ
ในปีถัดมากองทัพ อิเอยาสึ ก็จัดการลบสัญญาสงบศึกทิ้งและบุกปราสาทโอซาก้าอีกครั้งโดยผู้นำทัพ อิเอยาสึ ก็คือ ดาเตะ มาซามุเนะ “มังกรตาเดียว”แห่งเซ็นได แต่ก็โดนทัพของยูคิมูระนั้นตีจนกองหน้าแตกและต้องกลับตั้งค่าย ยูคิมูระ ได้ดำเนินการรอบโจมตีกลางคืนอีกครั้งในเวลากลางคืนและเกือบจะเข้าถึงตัว โตกุกาว่า อิเอยาสึ อยู่แล้วแต่ก็ทำไม่สำเร็จหลังจากนั้น อิเอยาสึ จึงมักหวาดระแวงในตัว ยูคิมูระ อยู่เสมอ
แต่ทางด้านทหารฝ่าย ฉิเดโยชิ นั้นมีจำนวนน้อยกว่าทำให้ ยูคิมูระ พยายามใข้แผนโจมตีสายฟ้าแลบผสานเข้ากับการตีกำลังกองหนุนเป็นหลัก ซึ่งเขาก็ยันกับทัพ อิเอยาสึ ได้เป็นปีจนถูกตีให้ถอยทัพกลับเข้าไปปราสาทโอซาก้า จนต่อมา ซานากะ ยูคิมูระ รู้ว่าถ้าหากกลับเข้าไปในปราสาทพวกเขาต้องแพ้แน่ เขาจึงตัดสินใจอันห้าวหาญครั้งสุดท้ายโดยการนำกำลังทหารส่วนตัวทั้งหมดบุกเข้าตีค่ายใหญ่ของ อิยาสึ โดยตรงในปี ค.ศ. 1615
จากบันทึกมีรายงานว่า ยูคิมูระ นำกำลังทหารส่วนตัวโดยตัวเขาบัญชาการทหารพร้อมทั้งควบม้าถือทวนหนึ่งเล่มพุ่งทะยานน้ำหน้ากองทหารของเขาบุกทะลวงค่ายใหญ่ของอิเอยาสึจนเขาเกือบจะทำสำเร็จเหลืออีกเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้นแต่เขาก็ถูกยิงตายเสียก่อน จากเหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความกลัวให้ อิเอยาสึ อย่างมาก หลังจากนั้นเขาก็กล่าวชื่นชม ยูคิมูระว่า “ยอดนักรบผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งแผ่นดิน” ทั้งความเก่งในการรบ ยุทธการและ สติปัญาที่ยอดเยี่ยม และยังมึความภักดีอย่างสูง โดย อิเอยาสึ นั้นพยายามหลายครั้งที่จะให้ ยูคิมูระ เข้ามาร่วมกับเขาแต่เขาก็ปฏิเสธตลอดมา ยูคิมูระ ยังคงภักดีต่อตระกูล โทโยโทมิ แม้ในเวลานั้นเขาจะไม่ค่อยได้รับศักดินาหรือผลประโยชน์ใดๆเลย แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังยืนหยัดต่อสู้จนตัวตายตามวิถีซามูไร
และนี้คือซามูไรผู้ไม่ได้มี ยศศักดิ์ อะไรหรือมีทรัพย์สินมากมายนัก แต่ตำนานการต่อสู้และวีรกรรมของเขาจะยังเล่าเป็นรุ่นสู่รุ่น และยังได้รับการยอมรับอีกว่าเป็นยอดนักรบเพียงผู้เดียวที่ทำให้ อิเอยาสึ สั่นกลัวได้และยังถูกยกย่องให้เป็นแม่ทัพอัจฉริยะผู้เก่งกล้าในรอยหลายร้อยปี